ตั้งกะเช้า ยันเย็น เราแทบไม่ได้นกตกถึงท้องเลย ไกด์ของเราก็ดูจะอ่อนประสบการณ์

จนพี่พี่ที่ไปด้วย คิดว่าต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง

เพราะในณะที่เราไม่เจอไก่อะไรเลย ในวันนั้น กลุ่มนักดูนกชาวอังกฤษ ที่มากับเหล่าหลิน ไกด์ที่ควรจะเป็นของเรา(แต่แกดันลืมรับงานซ้อน

) กลับได้เห็นไก่ ถึง 4 ชนิด รวมถึงทราโกปาน

โชคยังพอมีบ้าง ที่เหล่าหลินรู้สึกผิด แล้วคุยกับทางฝรั่ง กับ ผู้ประสานงานฝั่งนู้น (ซึ่งก็คือเพื่อนผมเอง ที่ไม่ได้เจอกันมาเป็น 10 ปี

) เพื่อให้เวลากับเรานำดูนกในเช้าวันถัดมา

พอเช้าวัดถัดมา เราก็ได้เห็นลีลา สายตา และ ความเก๋า สมแล้วที่เราได้ยินชื่อเสียงของแกมานาน

โดยเฉพาะการพยายามแคะไก่เทพอีกตัวนึง ที่เป็นนกเอ็นเดอมิกของแถบนี้ นั้นคือ กระทาสร้อยคอขาว White-necklaced Partridge (ภาพปลากรอบ)
พอแกได้ยินเสียงกระทาร้องอยู่ในหุบ แกรีบบอกให้เราพากันนั่งตรงริมหน้าผาด้วยความสงบ สายตาก็เพ่งเข้าไปที่พื้นใค้เงาไม้ จากนั้นแกก็ทำเสียงร้องโต้ตอบกับกระทา

มันวิ่งจู๊ด ออกมาเกือบจะพ้นแนวไม้ แต่ก็หยุดชะงัก

เพราะคงจะมองเห็นชาวสยาม 10 ชีวิตนั่งเรียงหน้ากระดานกันอยู่

มันก็เลยไม่ออก วิ่งปรู๊ดกลับเข้าไปในเงาไม้คืน แล้วก็เผ่นแน่บบบบบบ

ในมุมนั้นมีคนที่เห็นชัดๆกันสองคน คือ ผมกับหมอนุ้ย เพราะนั่งอยู่ในตำแหน่งใกล้กัน ส่วนคนอื่นแห้ว

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะฝรั่งอีกกลุ่ม นั้นก็เห็นแค่ครึ่งนึงของจำนวนสมาชิก มียังไม่ได้เห็นอีกหลายคน จะให้ทำไงได้ก็นกมันชอบมุด

นั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของทริป ที่เรามีโอกาสได้เห็นนกกระทาชนิดนี้
